วิชาคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม

ใบงานที่3
 วิชาคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม
อ.ธภัทร ชัยชูโชค
.................................................................

ค้นหาบทความทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร พร้อมทั้งให้แสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์บทความดังกล่าวว่ามีข้อดี ข้อเสีย หรือผลกระทบต่อตัวนักศึกษาหรือสังคมอย่างไร


เทคโนโลยี 3G คืออะไร 

3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี 3G
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยียุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ หรือ 2G ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สำคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2มาตรฐาน กล่าวคือมาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง
จุดมุ่งหมายของการพัฒนามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ขึ้น ก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานระบบสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล (Personal Communication) ในลักษณะไร้พรมแดน (Global Communication) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถนำเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้งานในที่ใด ๆ ก็ได้ทั่วโลกที่มีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว และยังเป็นยุคของการนำมาตรฐานสื่อสารแบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบมาใช้รักษาความปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความแบบสั้น (Short Message Service หรือ SMS) และการเริ่มต้นของยุคสื่อสารข้อมูลผ่านเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรก โดยมาตรฐาน GSM และ CDMA ตอบสนองความต้องการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงสุด 9,600 บิตต่อวินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร็วของการสื่อสาร ผ่านโมเด็มในเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานเมื่อกว่าสิบปีก่อน
การตอบรับของกลุ่มผู้บริโภคบริการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ทำให้มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่2G สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการณ์ทั่วโลกอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดการเปิดสัมปทานและนำมาซึ่งการแข่งขันอย่างรุนแรงในแทบทุกประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะมีผลทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของผู้ใช้บริการอย่างก้าวกระโดดแล้ว ในขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบต่อรายได้โดยเฉลี่ยต่อเลขหมาย (Average Revenue per User หรือ ARPU) ของผู้ให้บริการเครือข่าย อันเนื่องมาจากการกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพร้อมใช้ (Prepaid Subscriber) ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ก็ทำให้เกิดการลดถอยของ ARPU ลงอย่างต่อเนื่อง พร้อม กับปัญหาผู้ใช้บริการย้ายค่าย (Brand Switching) ที่รุนแรงขึ้น
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตราสินค้าและยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเพื่อชดเชยARPU ที่ลดต่ำลง เนื่องจากปรากฏการณ์อิ่มตัวของบริการสื่อสารด้วยเสียง (Voice Service) ผู้ประกอบการในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกจึงมีความเห็นตรงกันที่จะสร้างบริการสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้น โดยพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่เปิดใช้งานอยู่ ให้มีศักยภาพเพิ่มเติมเพื่อรองรับบริการสื่อสารข้อมูลแบบที่มิใช่เสียง(Non-Voice Communication) พร้อมกับการวางแผนธุรกิจ แผนปฏิบัติการทางวิศวกรรม การตลาด และแผนการลงทุน เพื่อสร้างกระแสความต้องการ (Demand Aggregation) ให้กับฐานลูกค้าผู้ใช้บริการที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่ม ARPU ให้สูงขึ้น พร้อม ๆ กับผลักดันให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลแบบ EMS (Enhanced Messaging Service) หรือ MMS (Multimedia Messaging Service) รวมถึงบริการท่องโลกอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป อุปกรณ์ไร้สายประเภท PDA (Personal Digital Assistant) และโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะ (Smart Phone)
เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่ได้มีการลงทุนไว้แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด มาตรฐานเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ จึงถูกกำหนดขึ้น ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาเครือข่ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี HSCSD (High Speed Circuit Switching Data), GPRS (General Packet Radio Service) หรือ EDGE (Enhanced Data Rate for GPRS Evolution) ของค่าย GSM และเทคโนโลยี cdma20001xEV-DV หรือcdma20001xEV-DO ของค่าย CDMA ดังแสดงพัฒนาการในรูปที่ เรียกมาตรฐานต่อยอดดังกล่าวโดยรวมว่า เทคโนโลยียุค 2.5G/2.75G ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่ปรากฏมีมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDC (Packet Digital Cellular) เปิดให้บริการสื่อสารข้อมูลในลักษณะของเทคโนโลยี 2.5G ภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้า i-mode ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดศักราชของการให้บริการสื่อสารข้อมูลแบบมัลติมีเดียไร้สายในประเทศญี่ปุ่น และได้กลายเป็นต้นแบบของการจัดทำธุรกิจ Non-Voice ให้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกในเวลาต่อมา
ลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสารดาวน์โหลดเพลงชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ

เทคโนโลยี 3G น่าสนใจอย่างไร จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสีเครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกมแสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น 3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพาวิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ)แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์ข่าวบันเทิงข้อมูลด้านการเงินข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว
คุณสมบัติหลักของ 3G คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย
อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC 
สรุป
                             เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เป็นเทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่บรอดแบนด์ที่ยังถือว่าเป็นเพียงการเริ่มต้น ของยุคการสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดของมวลมนุษยชาติ  จึงได้มีการคาดการณ์สำหรับอนาคตของการสื่อสารแบบไร้สายส่วนบุคคลที่จะก่อให้ เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ตามมา เช่น เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายความเร็วสูงมาก  เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายสำหรับรถยนต์ และเทคโนโลยีสื่อสารแบบทุกหนแห่งทุกเวลา ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหลายเหล่านี้ได้ถูกคาดหวังให้เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ ถือว่าเป็นเครือข่ายการสื่อสารยุคที่ 4ที่หลอมรวมการสื่อสารแบบไร้สายที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างไร้ขีดจำกัดและหลอมรวมเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลกด้วยอุปกรณ์สื่อสารไร้สายขนาดเล็ก3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสีเครื่องเล่น mp3,เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกมแสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น 3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพาวิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลในaccount ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต โลกของเราจะมีวัฒนธรรมที่ผสมกลมกลืนกัน มีความร่วมมือกันในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และต้องเผชิญกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ที่เหนือความคาดหมายร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ข้อดี

     ช่วยทำให้การ Online ทุกที่ทุกเวลาด้วยระดับคุณภาพบริการ Hi-speed เป็นไปได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้นด้วยข้อดีของบริการดังนี้

     1. มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับเครือข่าย 3G ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องโทรศัพท์ (Always On)
     2. การคิดค่าบริการจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น แตกต่างกับระบบทั่วไปที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่ Login เข้าในระบบเครือข่าย
     3. อุปกรณ์สื่อสารไร้สายมีรูปแบบอื่นๆ Plamtop, PDA, Laptop และ PC
     4. รับส่งข้อมูลในความเร็วสูงรวดเร็ว ทำให้สามารถแสดงภาพกราฟฟิก แสดงแผนที่ตั้ง เป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด 

ข้อเสีย
     เป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก  มีบุคคลทุกเพศทุกวัย แทบทุกอาชีพที่ใช้งาน ข้อมูลที่สามารถใช้ได้กับบุคคลวัยหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับบุคคลอีกวัยหนึ่ง โดยเฉพาะเด็ก
1.ภัยที่เกิดจากการติดต่อกับคนแปลกหน้า ซึ่งมีเจตนาที่จะหลอกลวงหรือต้องการข้อมูลส่วนตัวของเรา
2.สื่อลามกอนาจาร การพนัน เข้าถึงผู้ใช้ได้ง่าย 3.เป็นช่องทางของมิจฉาชีพ ล่อลวง ลักพาตัวจากการ chat
3.ทำให้เกิดการใช้ภาษาผิด ๆได้จากการเล่นพูดคุย สื่อสารผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์

ผลกระทบของการไม่มี 3G
1.ทำให้ภาครัฐและประชาชนขาดโอกาสในการแข่งขันทางด้านการรับส่งข้อมูลข่าวสารด้วยความเร็วสูง ซึ่งมีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่  ทำให้เทคโนโลยีในการจัดการหน่วยงานของทั้งภาครัฐและเอกชน  ไม่ได้รับการพัฒนามากเท่าที่ควร  ตลอดจนเป็นการเพิ่มความเลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีระหว่างเขตเมืองและชนบท อันเนื่องมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีในเขตเมืองมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
2.การเปิดให้บริการระบบ 3G ที่ล่าช้าออกไป จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆที่จำเป็นต้องใช้การทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งรวมไปถึงการซื้อขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ต หรืออีคอมเมิร์ซ ตลอดจนจนการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ตอื่นๆ ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ  ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจของภาคเอกชนและการทำงานของภาครัฐ  เนื่องจากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมไปสู่ภูมิภาคต่างๆทำได้ช้า ทำโอกาสที่ประชาชนจะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ก็จะน้อยลง
3.ทำให้ขาดความเป็นสากล จากระบบเครือข่ายร่วมสมัยที่มีอยู่ เช่น  กรณีในยุคปัจจุบันนั้น มีอุปกรณ์มากมายที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 3G ได้ แต่เมื่อนำอุปกรณ์เหล่านั้นขึ้นมาใช้  ก็จะไม่สามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  เพราะไม่มีเทคโนโลยีเครือข่าย 3Gขึ้นไปมาลองรับ อย่างเช่น การVideo call หรือ การคุยโทรศัพท์แบบเห็นหน้าเป็นต้น  ในขณะเดียวกันหากชาวต่างชาตินำอุปกรณ์ที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 3G ได้ เข้ามาในประเทศไทย  ก็จะไม่สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้น  ได้เต็มประสิทธิภาพเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีระบบ 3G กันแล้ว
4.ตัวรัฐยังเป็นผู้ก่อเกิดปัญหาทางด้านกฎหมาย ที่ยังไม่สามารถทำการจัดตั้งตั้งคณะกรรมการ กสทช ได้ทันต่อการพัฒนาการให้บริการต่อประชาชน ซึ่ง กสทช ได้เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2550 แต่เวลา ณ ปัจจุบันคือ ..2554อันเป็นเวลาที่ล่วงเลยมาถึง 4 ปี  ก็ยังไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะมารองรับตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงทำให้ไม่อาจเกิดคณะกรรมการ กสทช ขึ้นมาบริหารงานได้     ดังนั้น ผลเสียย่อมเกิดต่อเอกชนผู้ให้บริการที่อายุสัมปทานใกล้หมดลงรวมถึงผู้ใช้บริการที่เป็นลูกค้าเอกชนอยู่หากไม่มีการต่อสัมปทานประชาชนอาจได้รับบริการไม่ดีพอจากการให้บริการของรัฐโดยตรง สิ่งนี้ย่อมเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 
5.การล้มการประมูลหรือโครงการต่างๆในเรื่องดังกล่าวในหลายๆครั้งไม่ว่าจะโดย กทช หรือ กสท หรือ TOT จะก่อให้เกิดปัญหากับภาคเอกชนในเรื่องความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือในสายตาของนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อประเทศไทยในอนาคต  จนอาจนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายจากการยกเลิกหรือล้มประมูลในโครงการต่างๆด้วย  
...............................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น